UCL รีวิว : 10 สถิติสำคัญของนัดแรก (ตอนจบ)
หลังจากใน ตอนที่ 1 เราได้ติดตามข้อมูลน่าใจของสถิติใหม่ ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ซีซั่นนี้นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มกันไปแล้ว ยังมีเหตุการณ์สำคัญอีก 5 ประเด็น ที่ทีมงานเว็บดูบอลสดรีวิวมานำเสนอต่อตามรายละเอียดดังนี้ครับ
อย่างไว! ครั้งที่สอง "คาวานี่" ซัดเร็วสุดให้เปแอสเชในถ้วยบิ๊กเอียร์
ประตูที่ เอดินสัน คาวานี่ โหม่งให้ เปแอสเช ออกนำ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 1-0 ก่อนเสมอกัน 1-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรก กลายเป็นประตูที่เร็วที่สุดที่ทีมแชมป์ลีก เอิง ยิงได้ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยใช้เวลาหลังจากผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกมเพียง 42 วินาที เท่านั้น
สำหรับสถิติเดิม เกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มของซีซั่น 2014-15 เกมที่ชนะ อาโปเอล นิโคเซีย 1-0 โดยใช้เวลาไป 54 วินาที และถือเป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้ทำประตูลูกนั้นคือ หัวอกชาวอุรุกวัยนาม เอดิสัน คาวานี่ อีกเช่นเดียวกัน
ประวัติศาสตร์ใหม่! เนย์มาร์ ทำสถิติแข้งคนแรก ซัด 1 แอสซิสต์ 4 ในเกมเดียวของ UCL
แม้ว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะทำแฮตทริคช่วยให้ บาร์เซโลน่า เปิดคัมป์นูไล่ยำ กลาสโกว์ เซลติก ไปถึง 7-0 ในเกมเปิดหัวรอบแบ่งกลุ่ม แต่ว่านักเตะที่ต้องพูดถึงไม่แพ้กัน คือ เนย์มาร์ ที่ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงไปถึง 4 ลูก แถมซัดฟรีคิกสุดสวยได้อีกด้วยในครึ่งหลัง ผลงานยอดเยี่ยมครั้งนี้ทำให้สตาร์ดังทีมชาติบราซิล กลายเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ในเกมเดียวของ แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์เซโลน่า และเป็นแข้งรายแรกของรายการนี้ ที่ทำผลงาน ยิง 1 จ่าย 4 ในเกมเดียว ดูบอลสด
โดยก่อนหน้านี้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ศูนย์หน้าจอมเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำแอสซิสต์ 4 ลูกในนัดเดียวมาแล้ว สมัยเล่นให้ เปแอสเช เปิดบ้านถล่ม ดินาโม ซาเกร็บ 4-0 แต่เกมนั้นดาวยิงชาวสวีดิชไม่สามารถทำประตูได้
นอกจากนั้นแล้ว ผลงานของ บาร์เซโลน่า ในเกมล่าสุด ยังเป็นชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์เกมยุโรปอีกด้วย ทำลายสถิติเดิมที่เคยถล่ม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 7-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของซีซั่น 2011-12 ลงได้อย่างสวยงาม
วันนี้ที่รอคอย! "ฟัลเกา" ลงตัวจริง UCL รอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านไป ราดาเมล ฟัลเกา ศูนย์หน้าชาวโคลัมเบีย สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง และได้ประเดิมสนามเป็น 11 ตัวจริงให้กับ โมนาโก ในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้เป็นครั้งแรก หลังจากย้ายมาอยู่กับทีมดังเมืองน้ำหอมตั้งแต่ปี 2013 โดยในซีซั่น 2013-14 นั้น โมนาโก ไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปรายการใดเลย เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2014-15 ที่เขาย้ายไปเล่นให้แบบยืมตัว ส่วนฤดูกาลที่แล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ส่งเขาลงเล่นให้ เชลซี แม้แต่วินาทีเดียว หนสุดท้ายที่ ฟัลเกา ได้ลงเล่นในรายการนี้ที่ไม่ใช่เกมรอบคัดเลือกหรือเพลย์ออฟ ต้องย้อนไปไกลถึงวันที่ 9 มีนาคม 2010 โดยลงสนามให้ เอฟซี ปอร์โต้ บุกไปโดน อาร์เซน่อล ยำใหญ่ 5-0 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ฤดูกาล 2010-11 ดาวยิงวัย 30 ปี คว้าตำแหน่งดาวซัลโว ยูโรปา ลีก พร้อมพา ปอร์โต้ คว้าแชมป์ หลังจากไม่สามารถทำอันดับไปเล่นถ้วยใหญ่ได้ ขณะที่ซีซั่น 2011-12 และ 2012-13 ที่เขาย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ก็ยังคงได้เล่นแค่ถ้วยเล็กอีกเช่นกัน เพราะทีม "ตราหมี" ในเวลานั้น ยังไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ลีกที่ทำอันดับมาเล่นรายการนี้ได้ทุกปีเหมือนปัจจุบัน และการกลับสู่ทัวนาเมนต์นี้อีกครั้งของเขาก็เริ่มต้นได้ยอดเยี่ยม เมื่อสามารถบุกไปชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ใช้ เวมบลีย์ ไปสนามเหย้าได้ 2-1
ดีกว่าอีกหลายทีม! "จิ้งจอกสยาม" ทีมที่ 3 จากอังกฤษประเดิมชัยนัดแรก UCL
เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สามารถประเดิมคว้าชัยชนะได้ทันที ด้วยการบุกไปถล่ม คลับ บรูช ทีมแชมป์เบลเยียมไป 3-0 ในนัดแรก ของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี ความน่าสนใจคือก่อนหน้านี้มีทีมจากเมืองผู้ดีเข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม UCL แล้วถึง 10 ทีม แต่ เลสเตอร์ ซิตี้กลับกลายเป็นเพียงทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์เท่านั้น ที่ชนะได้ตั้งแต่นัดแรกของรอบนี้ ดูบอลสด
ผลงานนัดแรกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ของทีมจากอังกฤษทุกทีม
1. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (1995) แพ้ สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย) 0-1 (เหย้า)
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1996) ชนะ โกเตบอร์ก (สวีเดน) 4-2 (เหย้า)
3. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (1997) ชนะ บาร์เซโลน่า (สเปน) 3-2 (เหย้า)
4. อาร์เซน่อล (1998) เสมอ ล็องส์ (ฝรั่งเศส) 1-1 (เยือน)
5. เชลซี (1999)เสมอ เอซี มิลาน (อิตาลี) 0-0 (เหย้า)
6. ลีดส์ ยูไนเต็ด (2000) แพ้ บาร์เซโลน่า (สเปน) 0-4 (เยือน)
7. ลิเวอร์พูล (2001) เสมอ เบาวิสต้า (โปรตุเกส) 1-1 (เหย้า)
8. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (2010) เสมอ แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) 2-2 (เยือน)
9. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2011) เสมอ นาโปลี (อิตาลี) 1-1 (เหย้า)
10. เลสเตอร์ ซิตี้ (2016) ชนะ คลับ บรูช (เบลเยียม) 3-0 (เยือน) เกมเหย้าแกร่งสุด! เสือใต้ชนะติดต่อกันในบ้านยาวนานที่สุดใน UCL (13นัด)
"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจอมแกร่งแห่งบุนเดสลีกา เยอรมนี กลายเป็นสโมสรที่ชนะในบ้านติดต่อกันมากที่สุด ในประวัติศาสตร์รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เรียบร้อยแล้ว
โดยทีมของ คาร์โล อันเชลอตติ ประเดิมรอบแบ่งกลุ่มซีซั่นนี้ ด้วยการเปิดรัง อัลลิอันซ์ อารีน่า ไล่ถลุง เอฟซี รอสตอฟ ทีมน้องใหม่รายการนี้จากรัสเซียไป 5-0 กลายเป็นสถิติชนะในบ้านเป็นนัดที่ 13 ติดต่อกันของเกมยุโรป ซึ่ง
ทำลายสถิติเดิมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยชนะเกมเหย้า 12 นัดรวด ระหว่างฤดูกาล 2006-07 จนถึง 2007-08 เป็นที่เรียบร้อย
ผลงานชนะเกมยุโรป 13 นัดติดต่อกันในบ้านตัวเองของ บาเยิร์น มิวนิค
ฤดูกาล 2014-15 :
ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ โรม่า 2-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ซีเอสเคเอ มอสโก 3-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 7-0 (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)
ชนะ เอฟซี ปอร์โต้ 6-1 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)
ชนะ บาร์เซโลน่า 3-2 (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
ฤดูกาล 2015-16 :
ชนะ ดินาโม ซาเกร็บ 4-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ อาร์เซน่อล 5-1 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ โอลิมเปียกอส 4-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ชนะ ยูเวนตุส 4-2 (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2) (ชนะช่วงต่อเวลาพิเศษ)
ชนะ เบนฟิก้า 1-0 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก)
ชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 (รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2)
ฤดูกาล 2016-17 :
ชนะ เอฟซี รอสตอฟ 5-0 (รอบแบ่งกลุ่ม)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น