5 เรื่องต้องรู้หลังเกมผีแดงปราชัยเปิดยูโรป้า
ก่อนจะบุกไปเยือนวัตฟอร์ดเย็นนี้ เกมล่าสุดของ "ปีศาจแแดง" ทำได้น่าผิดหวังออกไปพ่าย เฟเยนูรด์ 0-1 ในนัดเปิดหัวศึกยูโรป้า ลีก กลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผีแดงเปิดสนามในถ้วยยุโรปด้วยการปราชัย 2 ซีซั่นติดต่อกัน
โดยเมื่อซีซั่นที่แล้วพวกเขาเปิดสนามในถ้วยบิ๊กเอียร์รอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการออกไปแพ้ต่ออีกหนึ่งตัวแทนจากลีกดัตช์อย่าง พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น 1-2 ชัดเจนว่าฟอร์มของลูกทีม โชเซ่ มูรินโญ่ ยังไม่กระเตื้อง และทรงบอลยังไม่ต่างจากการแพ้ "เรือใบสีฟ้า" ทีมงานเว็บดูบอลออนไลน์มีข้อมูลรีวิว 5 ประเด็นสำคัญของเกมนี้มาฝากกัน ไปติดตามกันเลยครับ
1. ทรงบอลน่าขัดใจเกิดขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าสถิติเกมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมีโอกาสทำประตูได้มากกว่าเจ้าถิ่น ถึง 18 ครั้ง แต่ตรงกรอบเพียง 3 ครั้งก็ตาม และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลมากกว่าที่ 57% แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่สิ่งที่สาวกเร้ดเดวิลล์มีความสุข เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของเกม ทั้ง
ทรงบอล, รูปแบบการเล่น, อารมณ์ร่วมกับเกม, ความคิดสร้างสรรค์ในจังหวะการเข้าทำของผู้เล่น, ความดุดัน, ความกระหายในชัยชนะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มันหายไปหมด
มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากสำหรับสาวกปีศาจแดง ไม่ว่าจะทั้งในบ้านเรา หรือต่างประเทศเกี่ยวกับเกมนี้ว่า มีลักษณะคล้าย ๆ กับทีมในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล แบบก็อบกันมาก
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า กุนซือ "อ้วนปรัชญา" ได้ชมเกมนี้อยู่ที่บ้านหรือไม่ เนื่องจากอดีตทีมเก่าของเขาบุกมาเยือนถึงบ้านเกิด ฮอลแลนด์ เลยทีเดียว ดูบอลออนไลน์
2. คู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ลงตัวในระยะยาว
นัดนี้เป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้ที่ คริส สมอลลิ่ง ได้จับคู่แนวรับกับ เอริก ไบยี่ หลังจาก 4 เกมก่อนหน้านี้ในเกมลีก เป็น ดาลี่ย์ บลินด์ ที่ได้รับโอกาส ผลงานของสมอลลิ่งทำได้ดี และกลายเป็นแข้งที่ขาดไม่ได้คนหนึ่งของทีมเมื่อฤดูกาลก่อน แต่การมาของ มูรินโญ่ อีกทั้งโชคไม่ดีที่ดันมาบาดเจ็บ รวมถึงติดโทษแบนนัดเปิดซีซั่น นั่นทำให้เขาต้องแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงกับ ดาลี่ย์ บลินด์ เนื่องจากตอนนี้มีตัวหลักที่ยึดตำแหน่งได้แล้ว 1 คนคือ เอริก ไบญี่
มีการเรียกร้องกันจากแฟนบอล หลังจากพวกเขาแพ้คาบ้านทีมในเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เวลานี้ควรเป็นโอกาสของ คริส สมอลลิ่ง ที่จะได้จับคู่กับ ไบญี่ ในแมตช์ออกไปเยือน เฟเยนูร์ด และแนวรับทีมชาติอังกฤษก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คุมเกมรับได้ดีตามมาตรฐานที่เป็น แม้ทีมของเขาจะไม่มีคะแนนติดมือกลับมาก็ตาม
3. ฟอร์มไม่สมราคาของ "ป็อกบา"
ปอล ป็อกบา แข้งค่าตัวแพงสุดในโลก ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในการประเดิมสนามเกมแรกที่พบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังรีเทิร์นสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกรครั้ง แต่เวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน เสียงวิจารณ์จาก กูรูฟุตบอล, ผู้สื่อข่าว รวมถึงแฟนบอลเริ่มโหมกระหน่ำเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ดูบอลออนไลน์
เขามีสถิติการเลี้ยงบอลสำเร็จที่ดีที่สุดคนหนึ่งเมื่อซีซั่นที่แล้วกับยูเวนตุส แต่เกมเมื่อคืนกับ เฟเยนูร์ด เขาพยายามจะเอาชนะทุกอย่าง เขาพยายามที่จะพาบอลไปด้วยตัวเอง และพยายามหาโอกาสทำประตูด้วยตัวเองมากเกินไป โดยไม่มีความใกล้เคียงที่จะทำสำเร็จเลย
4. ฟูลแบ็คไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน และ มาร์กอส โรโฮ ได้รับโอกาสลงเล่นแทนที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ ลุค ชอว์ ที่ได้พักในเกมนี้ โดยแบ็คขวาชาวอิตาเลี่ยนลงเล่นเกมแรกให้กับ "ปีศาจแดง" ในซีซั่นนี้ ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ส่วนแบ็คซ้ายชาวอาร์เจนไตน์ได้ลงเป็นนัดที่ 2 (นับรวม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2016)
แต่ตลอดทั้งเกมกับเจ้าบ้านจากลีกดัตช์ มันกลายเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาพอสมควร เพราะไม่สามารถเติมเกมรุก หรือสร้างประโยชน์ให้ทีมได้ลุ้นทำประตูเลย นอกจากนี้เกมรับยังมีปัญหาอีกต่างหาก โดย "อีฟนิ่ง นิวส์" สื่อท้องถิ่นในเมืองแมนเชสเตอร์ให้ โรโฮ เป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ที่สุดเพียง 4 คะแนน ส่วน ดาร์เมียน ได้ไป 5 คะแนน
5. บทพิสูจน์ฝีมือ "มูรินโญ่"
แม้ว่ากุนซือ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" จะให้สัมภาษณ์ก่อนเกมกับ เฟเยนูร์ด ว่า "รายการ ยูโรป้า ลีก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขา รวมถึงตัวนักเตะต้องการ" ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปราชัย 2 นัดซ้อนรวมทุกรายการ นับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นใหม่
เกมต่อไปของ "ปีศาจแดง" คือการบุกไปเยือน วัตฟอร์ด ในศึกพรีเมียร์ลีกเย็นวันนี้ โดยมีข้อแม้ที่ตั้งอยู่บนความหวังของสาวกผีแดงทั่วโลกคือ พวกเขาต้องกลับเก็บชัยชนะให้ได้ หากสิ่งที่จะเกิดขึ้นกลายเป็นตรงกันข้าม (เสมอ หรือ แพ้) จะกลายเป็นความผิดหวังต่อเนื่องที่ยากจะทำใจแน่นอน และเชื่อว่าความกดดันจะเพิ่มน้ำหนักโถมเข้าใส่การทำทีมของเฮดโค้ชรายนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องคอยติดตามกันต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น