5 สุดยอดแข้งเอเชียปี 2016
ปี 2016 เป็นปีที่วงการฟุตบอลเอเชียบ้านเราคึกคักไม่น้อย เพราะมีนักเตะมากมายโชว์ผลงานโดดเด่นในทั้งบ้านเกิดและต่างแดน ท๊อปไฟว์แข้งฟอร์มแจ่มในปีนี้จะมีใครบ้าง ไปติดตามข้อมูลจากทีมงานดูบอลออนไลน์กันเลยครับ
5. ไคซูเกะ ฮอนดะ
เป็นเวลาเกือบทศวรรษที่แข้งชาวซามูไรรายนี้ค้าแข้งในยุโรป จุดเริ่มต้นคือการเป็นเด็กฝึกหัดของ กัมบะ โอซาก้า แต่ที่นั่นเจ้าตัวเองไม่เคยได้รับโอกาสที่จะขึ้นชุดใหญ่ของทีม แต่เป็น นาโกย่า แกรมปัส ที่ดึงตัวจอมทัพผู้นี้ไปเล่นในเจลีก ในปี2007 ทีมวีวีเวนโล่จากลีกดัตช์คว้าตัวไปเล่นในยุโรปครั้งแรกเป็นเวลากว่า 2 ซีซั่น เขามีโอกาสลงสนามมากพอสมควร และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ซีเอสเคเอมอสโกทีมดังแห่งรัสเซียดึงไปร่วมทีม และที่นี่คือจุดสร้างชื่อที่ทำให้แฟนบอลยุโรปได้รู้จักจอมทัพชาวญี่ปุ่นรายนี้ เขาลงสนามให้ต้นสังกัดแดนหมีขาวไปกว่า 90 นัด จนในปี2014 จุดสูงสุดในการค้าแข้งของเขาก็มาถึง เมื่อทีม "ปีศาจแดงดำ"เอซี มิลาน ทีมยักษ์หลับแห่งลีกสูงสุดอิตาลี คว้าตัวไปร่วมทีมแบบฟรีๆ แม้การเริ่มต้นในอิตาลีไม่ดีเอาซะเลย เพราะเขาต้องดิ้นรนในการลงสนามทุกนัด แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ย่อท้อ ฮอนดะจึงก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้สำเร็จในปัจจุบัน ส่วนผลงานกับทีมชาตินั้น เขาซัด 5 ประตู ช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก และเขายังเคยได้รับรางวัลนักเตะทรงคุณค่าในศึกเอเชียน คัพ 2011 ที่ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์อีกด้วย ดูบอลออนไลน์
4. โอมาร์ อับดุลราห์มาน
แข้งเจ้าของฉายา "เมสซี่ อาหรับ" โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมจนติดโผด้วยเช่นกัน เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมเยาวชน"อัล ฮิไลน์"ทีมในลีกของยูเออี แต่เป็น"อัล ไอน์"ยอดทีมของลีก ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในวัยเพียง 16 ปี มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 24 ปีรายนี้ลงสนามให้กับต้นสังกัดไปแล้วกว่า 100 นัด ทำให้ติดทีมชาติทุกรุ่น ในวัยเพียง 18 ปี เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ และลงสนามไปทั้งหมด 53 นัด ชาบี้ เฮอร์นันเดซ อดีตแข้งระดับตำนานของบาร์เซโลน่า ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่ในลีกยูเออีกล่าวว่า "โอมาร์ควรจะออกไปพิสูจน์ตัวเองในเวทียุโรปได้แล้ว"
3. คี ซุน ยอง
จอมทัพเทคนิคแพรวพราวชาวโสมขาวรายนี้ แจ้งเกิดกับทีมบ้านเกิดตัวเองอย่าง "เอฟซี โซล" เป็นเวลา 3 ปีในเคลีก ทำให้มีแมวมองจากแดนวิสกี้สโมสรกลาสโกว์ เซลติก คว้าตัวไปเล่นในยุโรปครั้งแรกในปี 2009 เขาลงสนามให้ทีมม้าลายเขียวขาวไปทั้งหมด 66 นัด ทำได้ 9 ประตู ถือการเริ่มต้นที่ดีในแผ่นดินยุโรป จากนั้นก็ย้ายไปร่วมทัพสวอนซี ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เขาตอบแทนสวอนซีด้วยการลงสนามอย่างต่อเนื่อง และเป็นกำลังหลักของทีมได้อย่างดีในปีแรก พาทีมจบอันดับที่ 8 จนได้รับการโหวตจากแฟนบอลหงส์ขาวให้เป็นแข้งยอดเยี่ยมของสโมสร ปัจจุบันเจ้าตัวย้ายไปเล่นกับซันเดอร์แลนด์ด้วยสัญญายืมตัว ส่วนผลงานในทีมชาตินั้น เขาโชว์ฟอร์มเยี่ยมช่วยเกาหลีใต้เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ด้วยสถิติไร้พ่าย แม้เขาจะยิงประตูไม่ได้เลยก็ตาม ดูบอลออนไลน์
2. ซอง เฮือง มิน
หัวหอกวอนดาวโรจน์รายนี้ เริ่มต้นค้าแข้งในเวทียุโรปด้วยวัยเพียง 18 ปีกับฮัมบูร์กทีมดังในบุนเดสลีก้า 3 ปีกับทีมสิงห์เหนือ เขาลงสนามไปกว่า 70 นัด และทำได้ถึง 20 ประตู จนถูกไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมร่วมลีกคว้าไปร่วมทีมด้วยราคาถึง 10 ล้านปอนด์ 2 ซีซั่นกับทีมห้างขายยา เขาลงสนามไป 62 นัด ยิงไป 21 ลูก โดยล่าสุดเขาคือสมาชิกของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ด้วยดีกรีแข้งเอเชียที่ค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่ 22 ล้านปอนด์ โดยแมตช์แรกเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง เมื่อเขาซัดประตูแรกในเกมเปิดตัวที่เอาชนะทีมจากอาเซอร์ไบจานอย่างการาบักไป 3-1 ในศึกยูโรป้าลีก แต่แล้วอาการบาดเจ็บที่เท้าทำให้เขาต้องพลาดลงสนามถึง 6 สัปดาห์ ทำให้แข้งรายนี้ไม่สามารถช่วยทีมช่วงโค้งสุดท้ายลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในเวลานั้น ส่วนผลงานของเขากับทัพโสมขาวนั้น ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 48 นัด ทำได้ 16 ประตู โดยเป็นกำลังสำคัญของเกาหลีใต้ชุดไร้พ่าย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย หวังว่าเจ้าตัวจะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาโดยเร็ว และมีส่วนช่วยทีมไก่เดือยทองล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลในซีซั่นใหม่นี้
1. ชินจิ โอกาซากิ
ศูนย์หน้าเลือดซามูไรรายนี้ คือยอดแข้งเอเชียอันดับหนึ่งประจำปีนี้อย่างแท้จริง เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับชิมิสุ เอสพลัส ในเจลีก อยู่ที่นั่น 5 ปี เขาลงสนามไปกว่า 120 นัด และยิงไป 42 ประตู ฟอร์มเข้าตาสตุ๊ดการ์ท ทีมดังแห่งศึกบุนเดสลีก้าคว้าตัวไปร่วมทีม เป็นก้าวแรกในยุโรปของเขา ต่อมาในปี 2013 ก็ย้ายไปร่วมทัพไมนซ์05 ทำผลงาน 27 ประตู จาก 65 นัด ทำให้เขาได้รับความสนใจจากเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2015 และกลายเป็นสุดยอดปีทองของเขาเลยทีเดียว เพราะแค่ปีแรกเท่าัน้น ทีมจิ้งจอกสยามก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรก แม้จะยิงประตูได้ไม่มากเหมือนเพื่อนร่วมทีม เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ แต่ทุกประตูที่ทำได้คือประตูสำคัญทั้งสิ้น โอกาซากิเพิ่งมีอายุครบ 30 ปีไปไม่นาน และแน่นอนว่ายังพอมีเวลาเหลืออีกมากในอาชีพค้าแข้ง รวมถึงโอกาสสัมผัสเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกของเขากับต้นสังกัดในซีซั่นใหม่นี้ ส่วนผลงานในทีมชาตินั้น เขาลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2008 ลงเล่นทั้งหมด 102 นัด ยิงได้ 49 ประตู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น