มีงี้ด้วย!? 10 ฟรีคิกชวนอึ้งแห่งโลกลูกหนัง (ตอนจบ)
เดวิด นูเจนท์
(เปรสตัน VS เบิร์นลี่ย์, 2006)
อย่าสนใจคุณภาพความคมชัดของคลิปนี้เลยครับ สิ่งที่น่าชื่นชมคือการประสานงานกันของสามแข้งอันนำไปสู่ประตูนี้ จังหวะฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา เกิดจากการส่งกลับหลังแบบง่ายๆ จากนั้น เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ ก็งัดบอลขึ้น 1 จังหวะ เขาไม่ได้ยิงในทันทีเขาเหลือบตาเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะกระดกบอลอย่างรวดเร็ว บอลลอยโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็น เดวิด นูเจนท์ ที่ไม่ทำให้เพื่อนๆผิดหัวง เขาจัดการอย่างซัดจังหวะเดียวแบบไม่ต้องรอให้บอลตกพื้นให้เสียเวลาเลยทีเดียว ส่งบอลตุงตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม ดูบอลสด
เบเนดิกส์ โค้ป
(ร็อต-ไวส์ เอสเซ่น VS วัตเท่นส์ไชลด์, ปี 2013)
ฟรีคิกลูกนี้มากันเป็นหมู่คณะ ผู้เล่น 6 คนขอบ เอสเซ่น ยืนอยู่ที่หน้าลูกบอล ราวกับว่ามีผู้กำกับตะโกนคำว่า "แอ็คชั่น!!" พวกเขาเริ่มทำงานกันทันที เริ่มต้นด้วยการทำท่าเหมือนจะวิ่งมาชน และมีปากเสียงกัน หลังจากนั้นแค่พริบตาเดียว เบเนดิกส์ โค้ป ก็วิ่งมาซัดเสียบมุมเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย งานนี้ต้องบอกว่าเนียนกริบสมราคานักแสดงมืออาชีพเลยทีเดียว
จอห์น โจ โอทูล
(ลูตัน ทาวน์ VS นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์, ปี 2015)
เชื่อว่าประตูจากลูกฟรีคิกนี้ ต้องมาจากทำงานหนักในสนามซ้อมอย่างแน่นอน เหล่านักเตะของนอร์ทแธมป์ตันต้องได้รับการจารึกไปอีกนานแน่ๆ เพียงแค่ 3 สเต็ปง่ายๆ "ส่ง แปะ ยิง" แต่ผลสำเร็จที่ได้มานั้นยอดเยี่ยมเหลือเกิน อย่ารอช้ากดคลิกดูเลยครับ !!!
มิคกี้ เมล่อน
(แบล็คพูล VS แบร็ดฟอร์ด, ปี 1995)
หลังหักกันเป็นแถบเลยทีเดียวจากการหลอกขั้นเทพครั้งนี้ หากคาดการณ์ด้วยสายตาแล้ว การตั้งท่าของผู้เล่นแบล็คพูลสำหรับฟรีคิกลูกนี้ คงใช้การเปลี่ยนจุดและวิ่งเข้ามาอัดเต็มข้ออย่างแน่นอน แต่แบบนั้นมันธรรมดาเกินไปที่จะติดโผของเรา ช็อตนี้เกิดจากจังหวะแรกเขี่ยสั้นๆก่อน 1 ครั้ง ซึ่งดูปกติมาก แต่ไฮไลท์สำคัญคือจังหวะที่สองซึ่ง มิคกี้ เมล่อน ที่เป็นคนเล่นจังหวะที่สองแทนที่เขาจะหยุดบอลให้เพื่อนร่วมทีมวิ่งมายิงกลับหมุนตัวและลากบอล 1 จังหวะ ก่อนซัดด้วยขวาเต็มข้อแสกหน้าผู้รักประตูคู่ต่อสู้เข้าไปตุงตาข่ายอย่างเหนือชั้น
โรนัลดินโญ่
(บาร์เซโลน่า VS แวร์เดอร์ เบรเมน, ปี 2006)
เจ้าของประตูนี้คือหนึ่งในยอดนักเตะระดับตำนานของโลกลูกหนัง แข้งชาวบราซิเลี่ยนรายนี้มักทำประตูสวยๆอยู่เป็นประจำ และหนึ่งในความสุดยอดคือฟรีคิกลูกนี้ ประตูนี้เกิดจากมันสมองของโรนัลดินโญ่อย่างแท้จริง เกิดขึ้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และกลายเป็นหนึ่งในประตูคลาสสิคตลอดกาลของฟุตบอลรายการนี้ไปแล้ว เขาทำให้ทุกอย่างดูง่ายไม่ซับซ้อน จากการแค่วิ่งเข้ามาแปบอลเรียดๆ ในจังหวะที่กำแพงของคู่แข่งคิดตรงกันในใจว่าจะโดนยิงบอลโด่ง จึงตัดสินใจกระโดดขึ้นทุกคนพร้อมกัน เปิดช่องว่างให้บอลพุ่งเรียดตรงไปซุกก้นตาข่ายอย่างง่ายดาย ดูผิวเผินอาจแสนจะธรรมดา แต่ความจริงมันมาจากความฉลาดหลักแหลมของ "เหยินน้อย" อย่างไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น ดูบอลสด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น