บทความฟุตบอล : ต้องรู้! 4 ไฮไลท์สำคัญพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7

ต้องรู้! 4 ไฮไลท์สำคัญพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7




         เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7 ผ่านไปแล้ว สัปดาห์นี้พักเบรคให้โปรแกรมทีมชาติลงสนามกัน ทีมงานเว็บดูบอลออนไลน์ของเรามีรีวิข้อมูลมาฝาก ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของศึกพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด จะน่าสนใจอย่างไรไปติดตามกันเลยครับ

แผนแนวรับ 3 คนของ คอนเต้ กลับมาแล้ว

 



      ในฐานะอดีตเทรนเนอร์ของทีม "ม้าลาย" ยูเวนตุส ที่ขึ้นชื่อเรื่องของเกมรับด้วยสถิติเสียประตูเพียง 0.59 ประตูต่อนัดเท่านั้น แต่ผลงานครั้งใหม่บนเวทีพรีเมียร์ลีกกับเชลซีที่เพิ่งปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล 1-2 และ อาร์เซน่อล 0-3 ทำให้เขาต้องปรับมาใช้แท็คติกสร้างชื่อด้วยระบบ 3-5-2 อีกครั้งในเกมล่าสุด โดยใช้เพลย์เมคเกอร์ 2 คนอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า นั่นหมายถึงการเล่นระบบ 3-4-2-1 ตอนเล่นเกมรุกและสามารถยืดหยุ่นเป็นระบบ 4-5-1 ตอนที่ทีมไม่มีบอล มาร์กอส อลอนโซ่ และ วิคเตอร์ โมเซส คอยเล่นอยู่ด้านกว้างทั้งสองฝั่ง และอัดเซ็นเตอร์แบ็คถึง 3 คน ได้แก่ ดาวิด ลุยซ์ และ แกรี่ เคฮิลล์ โดยมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ใช้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลงแทน บาติสลาฟ อิวาโนวิช ขณะที่ เนมันย่า มาติช และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะเน้นไปที่การเล่นเกมรับมากขึ้นกว่าเดิม และทั้งคู่ก็ทำได้ดีในการแย่งบอลจังหวะ 2 มาครองได้ถึง 13 ครั้งในเกมนี้ ทำให้ ฮัลล์ ซิตี้ เจ้าบ้านต้องหวังจากการยิงไกลจากระยะ 20 หลา และลูกตั้งเตะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
      แต่หากเปลี่ยนมามองที่เกมรุกในครึ่งแรก "สิงห์บูล" ไม่มีโอกาสยิงเข้าเป้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว โอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขาเกิดจาก เจค ลิเวอร์มอร์ ที่ยืนตำแหน่งพลาด อย่างไรก็ตามเกมรับของพวกเขาคือพระเอกในเกมนี้อย่างแท้จริง ซึ่งคอนเต้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า 
"เราสามารถเล่นกองหลัง 3 หรือ 4 คนได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในเกม และผมคิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดี วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมาก เราสามารถจบเกมด้วยการรักษาคลีนชีทได้เพราะ 2 เกมก่อนหน้านี้เราเสียประตูไปมากมายเลยทีเดียว" 

 เพรสซิ่งของสเปอร์สคือไม้เด็ดพิฆาตเรือใบ



         กุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คือของแสลงอย่างแท้จริงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตั้งแต่สมัยที่เขาคุมทีม "นกแก้ว" เอสปันญ่อล เจอกับ บาร์เซโลน่า ในลาลีกาสเปนก่อนหน้านี้ และบิ๊กบอสชาวอาร์เจนไตน์ก็ไม่เปลี่ยนแนวทางการเล่นในการเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นายใหญ่ของพลพรรค "ไก่เดือยทอง" สั่งมิดฟิลด์ของเขาวิ่งไล่บอลอย่างบ้าคลั่งทั้ง เอริค ลาเมล่า, คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่ และ วิคเตอร์ วานยาม่า 
        ฝั่ง กวาร์ดิโอล่า ก็สร้างเซอร์ไพรส์เล็กน้อยด้วยการส่ง เฟนันโด เรเกส ลงเล่นมิดฟิลด์ร่วมกับ เเฟร์นันดินโญ่ และ ดาบิด ซิลบา การไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ในสนามทำให้พวกเขาดูจะอึดอัดมากๆสำหรับการโดนไล่เพรสซิ่ง  ยอดทีมแห่งลอนดอนจัดการตัด เซร์คิโอ้ อเกวโร่ ออกจากเกมได้อย่างเด็ดขาด แทบไม่ได้กระดิกเลยทีเดียว และเกมก็เริ่มเปิดขึ้นจากจังหวะที่ วานยาม่า แย่งบอลมาจาก แฟร์นันดินโญ่ ก่อนที่บอลไปอยู่ที่ริมเส้นฝั่งซ้าย และเป็น โรส ที่เปิดเข้ากลางซึ่งสุดท้ายก็เป็นความผิดพลาดส่วนตัวของ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ  ที่สกัดเข้าประตูตัวเอง แม้การเล่นอันดุดันของเจ้าถิ่นจะทำให้พวกเขาเสียฟาวล์ไปถึง 20 ครั้ง ซึ่งมากกว่าฝั่งทีมเยือนถึง 2 เท่า แต่สุดท้ายเเล้วเกมก็ถูกปิดกล่องจากลูกยิงของ อัลลี่ พาทีมทิ้งห่างไป 2-0 ซึ่งกว่าผู้มาเยือนจากแมนเชสเตอร์จะหาจังหวะเกมและตั้งหลักได้ ก็ล่วงเลยเข้าไปช่วง 20 นาทีสุดท้ายแล้ว ซึ่งนั่นก็สายเกินไปกว่าจะแก้ไขอะไรได้ จบเกมปราชัยเป็นนัดแรกจนได้

   

มหา "อุด" ของเบิร์นลี่ย์ตามสไตล์ ณอน ไดซ์



       แฟนบอลหลายๆคนที่ยังไม่เคยเห็นฟอร์มของเบิร์นลี่ย์ ทีมน้องใหม่ซีซั่นนี้ คงสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงทำเซอร์ไพร์สด้วยการเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ 2-0 ด้วยสัดส่วนการครองบอลแค่ 20% เท่านั้น "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล คือทีมล่าสุดที่ต้องเจอกับแท็กติกนี้ ที่เป็นการจัดเกมรับแบบเต็มรูปแบบของกุนซือ ณอน ไดซ์ ที่มาในระบบ 4-5-1 ที่มีผู้เล่นทั้งหมด 9 คนยืนขวางอยู่บริเวณกรอบเขตโทษ และทิ้งศูนย์หน้าอย่าง แซม โว๊ค ไว้บริเวณกึ่งกลางสนามเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูบอลออนไลน์
          แม้ว่า อาร์เซน่อล จะเป็นฝ่ายบุกอย่างเต็มที่ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่การจอดรถบัสคันมโหฬารอุดไว้ของ เบิร์ยลี่ย์ ก็ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด วิธีการของ ไดซ์ คือให้ลูกทีมศึกษาการเล่นของทีม "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ซึ่งสามารถล้มทีมยักษ์ใหญ่มานักต่อนัก พลพรรค "เดอะกันเนอร์ส" มีโอกาสยิงเข้ากรอบเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และเบิร์นลี่ย์เองก็เสียฟาวล์ในระยะอันตรายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังตอบโต้ได้อย่างน่ากลัวจากลูกกลางอากาศของ แซม โว๊ค และ ไมเคิล คีน แต่สุดท้ายโชคไม่ดี เพราะเสียประตูจากการทำแฮนด์บอลของ โลรองต์ กอสเซียลนี่ ที่ส่งให้ลูกทีมของ อาร์เเซน เวนเกอร์ มอบของขวัญให้กับนายใหญ่ในวาระคุมทีมครบรอบ 20 ปีได้สำเร็จ 

ใกล้ได้เห็น ป๊อกบา ที่ทุกคนรอคอยแล้ว



       มีคำกล่าวที่ว่า "หากคุณเป็นศูนย์หน้า และมีมิดฟิลด์ที่คอยป้อนบอลให้คุณยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง มันก็ไม่มีอะไรให้คุณต้องกังวลอีกต่อไป" อย่างไรก็ตามมันคงยังใช้ไม่ได้กับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ล่าสุดทำได้แค่เปิดบ้านเสมอแบบน่าชนะกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ไป 1-1 แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญของ ปอล ป๊อกบา ที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความกระหายอยากทำประตู ซึ่งไม่ต่างจากตอนที่เขาโชว์ผลงานได้สุดยอดกับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส เลย 
       ไม่ว่าการเติมเกมของเขาที่เราเห็นนั้น จะเป็นสัญชาติญาณหรือรูปแบบการเล่นที่กุนซือชาวโปรตุกีสวางหมากมาก็ตาม ป็อกบา ดูเหมือนว่าจะแสดงให้เห็นถึงความอันตรายของเขามากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทีมมี อันเดร์ เอร์เรร่า และ ฆวน มาต้า ร่วมประสานงานในเเดนกลางนั่น ทำให้มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสมีโอกาสจ่ายบอลอันตรายๆ และเข้าไปหาจังหวะยิงประตูในเขตโทษได้หลายครั้ง ท่ามกลางโอกาสมากมายในเกมดังกล่าวที่ต้นสังกัดของเขาควรได้รับชัยชนะ ป็อกบา คือหนึ่งในความผิดพลาดนั้น เขาวิ่งมายิงบอลเหน่งๆที่ เจสซี่ ลินการ์ด ปาดเข้ากลางมาให้ออกไปแบบเหลือเชื่อ รวมถึงการโหม่งชนคานในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกด้วย แม้จะรู้สึกเสียดายที่พลาด 3 คะแนน แต่ก็รับรู้ได้ว่าแข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกรายนี้ กำลังกลับมาคืนฟอร์มเทพได้ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน 
      

...ว่าน สวนไทร...



        

      

ความคิดเห็น