บทความฟุตบอล : ง่ายดาย! 5 แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษได้มาไม่ยากเย็น

 ง่ายดาย! 5 แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษได้มาไม่ยากเย็น






      ฟุตบอลลีกสูงสุดอังกฤษที่เดิมคือดิวิชั่น 1 และปัจจุบันคือพรีเมียร์ลีก ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในลีกที่หินที่สุดในโลก หากจะมีทีมใดคว้าแชมป์ได้ ต้องแข็งแกร่งพอที่จะผ่านความยากลำบากแสนสาหัสเท่านั้น ดูบอลออนไลน์  
     แต่ก็มีข้อมูลน่าสนของสโมสรที่เข้าวินคว้าโทรฟี่ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องฝ่าฟันอะไรมากมาย จะมีทีมใดบ้างนั้น ไปติดตามรายละเอียดกันเลยครับ 

น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ 

แชมป์ดิวิชั่น 1 ซีซั่น 1977-78




     ทีมเจ้าของฉายา "เจ้าป่า" คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้อย่างสวยงาม ไม่เพียงแต่คว้าแชมป์ได้ในซีซั่นแรกหลังจากเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเท่านั้น แต่ยังทำแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 7 แต้ม และแพ้เพียง 3 นัดจากการลงสนาม 42 เกม ครองตำแหน่งจ่าฝูงม้วนเดียวจบตั้งแต่เดือนตุลาคม ชนิดที่แฟนบอลและสื่อต่างก็ทึ่งไปตามๆกัน จะยกเว้นก็แต่กุนซือยอดอัจฉริยะ ไบรอัน คลัฟ ที่มองข้ามช็อตมาแล้วว่าผลจะออกมาแบบนี้ ซึ่งเขาสร้างทีมที่มีสไตล์การเล่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการรวมนักเตะจอมพเนจร ดาวรุ่งกระหายชัยชนะ และนายประตูสุดแหวกแนวอย่าง ปีเตอร์ ชิลตัน มาเล่นในทีมเดียวกัน และฤดูกาลนั้นเอง สุดยอดทีมอย่างลิเวอร์พูลของ บ็อบ เพสลีย์ ก็ไม่สามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงน้องใหม่อย่างฟอเรสต์ด้วยซ้ำ


อาร์เซน่อล 

แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2003-04




      "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมแรกในรอบกว่า 100 ปีที่สามารถคว้าแชมป์ได้โดยไม่แพ้เลยตลอดซีซั่น นับจากครั้งที่ เปรสตัน นอร์ท เอนด์ เคยทำได้เมื่อซีซั่น 1888-89 นับเป็นหนึ่งเดียวของแชมป์ไร้พ่ายในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดอังกฤษยุคใหม่ ซึ่งคงยากที่จะมีใครทำได้ในเร็ววันนี้ 
       ก่อนปี 2004 ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังมีอันดับตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หลังจากการเก็บชัยชนะ 2-0 เหนือ "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลล่า พร้อมๆ กับที่ทีม "ปีศาจแดง" พลิกแพ้ให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ทำให้ปืนใหญ่ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งจ่าฝูง และยึดตำแหน่งเหนียวแน่นจนสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยการทำคะแนนทิ้งห่างทีมอันดับสองถึง 11 แต้ม เวลานั้นเป็นยุคที่กุนซือเฟร้นช์แมนสร้างทีมที่สมบูรณ์ และมีสมดุลยอดเยี่ยมที่สามารถเล่นฟุตบอลสวยงาม บวกกับลีลาหลอกล่อพลิกพลิ้ว ดาวยิงเลือดนำหอมอย่าง เธียร์รี่ อองรี โชว์ฟอร์มร้อนแรงยิงถึง 30 ประตู และ อาร์เซนอล ยังมีแนวรับเหนียวแน่นที่เสียประตูเพียง 26 ลูกตลอดฤดูกาลอีกด้วย


ลิเวอร์พูล 

แชมป์ดิวิชั่น 1 ซีซั่น 1987-88



        แม้ "หงส์แดง" จะปิดฉากซีซั่นด้วยการคว้าแชมป์ โดยทำแต้มห่างรองจ่าฝูงถึง 9 คะแนน แต่เป็นฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล โชว์ความเหนือชั้นตั้งแต่เริ่มต้นม้วนเดียวจนจบซีซั่น เมื่อเอียน รัช โบกมือลาหงส์แดงไปอยู่กับยูเวนตุส กลับเป็น เคนนี่ ดัลกลิช ที่ขยับแก้เกมการขาดดาวยิงหน้าหนวด ด้วยการซื้อตัว จอห์น บาร์นส และ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ มาร่วมทีม และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ส่งผลอย่างรวดเร็ว 
       ลิเวอร์พูลไม่สามารถลงเล่นในสนามเหย้าแอนฟิลด์เกือบถึงกลางเดือนกันยายน เนื่องจากการปรับปรุงสนาม ทำให้กว่าที่จะทำอันดับขึ้นมาครองตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกก็ปาเข้าไปเกือบถึงเดือนตุลาคม หงส์แดงทำสถิติไร้พ่ายต่อเนื่อง จนในที่สุดพลาดท่าพ่ายให้กับทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน และหยุดสถิติไร้พ่ายตั้งแต่เปิดฉากฤดูกาลใหม่ จากนั้น 2 สัปดาห์ต่อมาหง์แดงก็พลาดพ่ายให้กับเจ้าป่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นหงส์แดงก็กลับมาแก้แค้น "เจ้าป่า" ของ ไบรอัน คลัฟ ได้อย่างสาสมใจ ด้วยการถล่มเอาชนะ น็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ ถึง 5-0 และเกมนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดเกมในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษเลยทีเดียว 

เชลซี 

แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2004-05

 


         ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากุนซือป้ายแดงในเวลานั้นอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับงานด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่แฟนบอลบางส่วนก็ยังกังขาในฝีมือของนายใหญ่ชาวโปรตุกีสว่าเก่งจริงหรือไม่ การพา เชลซี เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคุมทีมนัดแรก และไม่แพ้ทีมใดเลยจนถึงเดือนตุลาคม จากนั้นก็ไม่แพ้อีกเลยจนจบฤดูกาล นั่นก็ไม่ธรรมดาแล้ว แต่ถ้านับรวมการเก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำถึง 95 คะแนน และเสียประตูเพียง 15 ประตู และคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีในเกมที่เฉือนชนะ โบลตัน เมื่อปลายเดือนเมษายนจากลูกยิงของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ทำให้ทีมอื่นๆ แทบอยากจะเก็บข้าวเก็บของม้วนเสื่อกลับบ้าน แล้วยกถ้วยแชมป์ให้มูรินโญ่และเชลซีไปครองเสียตอนนั้นเลยทีเดียว ดูบอลออนไลน์  


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2012-13

 


           เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พา "ปีศาจแดง" ประสบความสำเร็จมากมายคือสิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกไร้ข้อกังขา แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมปีสุดท้ายของท่านเฟอร์กี้ได้เปลี่ยนไปจากเดม โดยมีการปรับแท็กติกมาสู้กับระบบใหม่ๆ จนค้นพบเคล็ดลับสำคัญ นั่นคือ "เซ็นนักเตะที่ยิงได้เยอะ จะช่วยให้ชนะได้" และนั่นเป็นสาเหตุที่ปีศาจแดงแย่งซื้อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาจาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เพื่อเบียดแย่งแชมป์กับเพื่อนร่วมมือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และฤดูกาลที่ดูคล้ายจะจืดชืดของพลพรรค "เร้ดเดวิลล์" ก็กลายเป็นการคว้าชัยเก็บชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จนเข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 20 ด้วยการทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 11 คะแนน และหากจะมองว่า เฟอร์กี้ มีงบประมาณจำกัด นี่จึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จากฝีมือของยอดกุนซือรายนี้ก็เป็นได้ 

ว่าน สวนไทร









ความคิดเห็น