5 ปัจจัยทำ "จิ้งจอกสยาม" ห่วยแตกจน "ลุงรา" โดนเด้ง
เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าแยกทางกับกุนซือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา
การปิดฉาก "เทพนิยาย" ที่ถูกสร้างเมื่อซีซั่นก่อน จากการช็อคโลกสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร แต่ผลงานที่ย่ำแย่เข้าขั้นวิกฤตของ "เดอะ ฟ๊อกซ์" ในฤดูกาลนี้ ที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 17 ของตาราง มีแต้มเหนือโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียว ถือว่า "สิ้นลาย" แชมป์เก่าอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังตกรอบฟุตบอลถ้วยในประเทศทุกรายการ และมีแนวโน้มจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย ฟอร์มอันน่าผิดหวังจนเกินจะรับได้ ส่งผลให้เฮดโค้ชชาวอิตาเลี่ยน เจ้าของรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และโค้ชยอดเยี่ยมของฟีฟ่าประจำปี 2016 ต้องกระเด็นจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบในท้ายที่สุด เหตุใด เลสเตอร์ ซิตี้ จึงไม่เหมือนเดิม และตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ เราประมวลข้อมูล 5 ปัจจัยมาฝากกัน ไปติดตามรายละเอียดกันเลย ดูบอลสด
1. ไม่เก็บ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไว้กับทีม
เลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจปล่อยตัวกองกลางคนสำคัญ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ให้กับ "สิงห์บลูส์" เชลซี และพยายามหาตัวตายตัวแทนเข้ามา แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครแทนที่แข้งรายนี้ได้ เพราะมิดฟิลด์ร่างเล็กทีมชาติฝรั่งเศส ครบเครื่องทั้งการตัดเกม และเล่นจังหวะสวนกลับได้ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วย เวส มอร์แกน กับ โรเบิร์ต ฮูธ ในเกมรับได้อย่างมาก นี่คือช่องโหว่สำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อ "จิ้งจอกสยาม" ในซีซั่นนี้
2. การเสริมทีมที่ไร้ประสิทธิภาพ
เลสเตอร์ ซิตี้ เข้าชิงชัยในตลาดซื้อขายนักเตะตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่น โดยคว้าตัวผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ทีมถึง 5 ราย ได้แก่ อิสลาม สลิมานี่ (กองหน้าจาก สปอร์ตติ้ง ลิสบอน), รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ผู้รักษาประตูจาก ฮันโนเวอร์), อาเหม็ด มูซ่า (กองหน้าจาก ซีเอสเคเอ มอสโก), นัมปลายส์ เมนดี้ (กองกลางจาก นีซ) และ วิลเฟรด เอ็นดิดี้ (กองกลางจาก เกนท์) ซึ่งยังไม่มีแข้งรายใดโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมคุ้มค่าตัวเลย
3. ผลงานเกมเยือนห่วยบรม
พลพรรค "เดอะ ฟ๊อกซ์" มีสถิติย่ำแย่ในเกมนอกบ้านซีซั่นนี้ จากการลงสนาม 13 นัด ปราชัยถึง 10 เกม และเสมอ 3 นัด เก็บได้เพียง 3 แต้มเท่านั้น ส่วนเกมเหย้าก็ทำได้น่าผิดหวังเช่นกัน เพราะเก็บได้เพียง 18 คะแนนเท่านั้นจาก 12 เกม (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 4)
4. ผู้เล่นขาดความมุ่งมั่นและกระหายในชัยชนะ
ผู้เล่นของ เลสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "หมดไฟ" ความมุ่งมัน ตื่นตัว และเต็มสูบเพื่อชัยชนะเมื่อซีซั่นก่อน ลดลงไปอย่างมาก หลังจากพวกเขาก้าวไปสัมผัสจุดสูงสุดคือ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แบบ "หักปากกาเซียน" ทุกสำนัก แม้จะผ่านความสำเร็จที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีมาแล้ว แต่ภาพรวมผลงานของทีมก็ไม่ควรตกต่ำเช่นในเวลานี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกชั้นนั่นเอง
5. เปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงมากเกินไป
ซีซั่นก่อน เทรนเนอร์ เคลาดิโอ รานิเอรี่ มีผู้เล่น 11 ตัวจริงอยู่ในใจไว้ใช้งานแบบสม่ำเสมอ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นน้อยมาก ทำให้นักเตะเล่นกันได้แบบ "เข้าขารู้ใจ" จนช่วยกันพาทีมซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในบั้นปลาย แต่ในฤดูกาลนี้ "ลุงรา" ปรับจูนทีมมากเกินไป ทั้งการเลือก 11 ตัวจริง และการเปลี่ยนตัวระหว่างเกม ถึงขึ้นที่เจ้าตัวเคยออกมายอมรับเองว่า อาจเป็นเพราะตัวเขาที่วางแท็กติกผิดพลาด แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากแข้งตัวหลักของทีมที่ถูกตั้งความหวังไว้สูงอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ ฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ฟอร์มไม่เปรี้ยงเปรี้ยงเหมือนซีซั่นก่อนด้วยเช่นกัน ดูบอลสด
ว่าน สวนไทร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น