บทความฟุตบอล : 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

 

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

      ศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2016-17 กำลังจะผ่านพ้นนัดที่ 17 ในคืนนี้ (เอฟเวอร์ตัน-ลิเวอร์พูล) ทั้ง 20 สโมสรโชว์ฟอร์มทั้งดีและแย่ปะปนกันไป โดยยังมีเวลาให้ปรับปรุงแก้ไขทีมอีกพอสมควร เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ดูบอลสด

       อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ ระบบและรูปแบบการเล่นวิธีต่างๆ ที่กุนซือแต่ละทีมเลือกนำมาใช้เพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ แนวทางการเล่นที่อยู่ภายใต้แท็กติกและการวางหมากของเฮ้ดโค้ช คือปัจจัยที่ชี้วัดฟอร์มการเล่นได้อย่างแท้จริง สื่อชื่อดังของอังกฤษ "เดอะ การ์เดี้ยน" ได้วิเคราะห์และสรุป 5 สไตล์การเล่นยอดนิยม ที่สโมสรส่วนใหญ่กำลังใช้และทำให้ฟอร์มเปรี้ยงเปรี้ยงตลอดมาตั้งแต่เปิดซีซั่นจนถึงตอนนี้ จะมีรูปแบบใดบ้างนั้น ไปติดตามรายละเอียดกันเลย 


1.หน้าเป้าหลอก (False Nine)

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

    รูปแบบนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มร้อนแรงในช่วงต้นซีซั่นเรื่อยมาจนนาทีนี้ เพราะ โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ซีซั่นก่อนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก แม้พวกเขาจะมีหน้าเป้าธรรมชาติอย่าง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ให้ใช้งาน แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เลือกใช้แนวรุกทีมชาติบราซิล มายืนค้ำแทน เนื่องจากมองว่าเกมรุกของ "หงส์แดง" จะขับเคลื่อนได้ดีกว่าการบอมบ์ให้หน้าเป้าตัวใหญ่เก็บบอล เพื่อรอมิดฟิลด์เติมขึ้นมาช่วยเกมรุก ซึ่งเจ้าตัวก็ประสานงานกับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ ซาดิโอ มาเน่ ได้อย่างลงตัวจนเกมรุกของ ลิเวอร์พูล อันตรายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตาอย่างที่เราได้เห็นกัน 

      ทำนองเดียวกับ อาร์เซน่อล ที่ดัน อเล็กซิส ซานเชซ จากกองหน้าด้านข้างหรือมิดฟิลด์ริมเส้นเข้ามากลางสนามแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ อย่างเต็มตัว ช่วยเพิ่มมิติในการผลิตสกอร์ให้ทัพ "ปืนใหญ่" มากกว่าเดิม ด้วยสไตล์การวิ่งพล่านไปทั่วในแนวรุก หรือไม่ยืนตำแหน่งแบบตายตัว ส่งผลดีให้ เมซุต โอซิล มีพื้นที่ในการเล่นมากขึ้นตามไปด้วย แถมยังสอดขึ้นมาทำประตูได้มากกว่าเดิม ไม่อย่างงั้นสถิติการยิงประตูของเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมันคงไม่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมในซีซั่นนี้อย่างแน่นอน 


2. เพรสซิ่ง (Pressing)

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

      ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องการครองบอลเป็นแนวคิดที่ถูกพูดถึงกันมากในโลกฟุตบอล แต่ช่วงหลังก็มีการแก้ทางคู่แข่งที่ครองบอลเหนียวแน่น ด้วยการใช้ระบบไล่กดดันคู่แข่งหรือ "เพรสซิ่ง" กันมากขึ้น โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์เป็นคนแรกๆที่นำระบบการวิ่งไล่บีบพื้นที่คู่แข่ง เพื่อแย่งบอลกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด มาใช้ในเกมลีกเมืองผู้ดีตั้งแต่สมัยคุม "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน จนถึงการคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปัจจุบัน  

       อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของ ลิเวอร์พูล คือคนที่นำระบบนี้มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในซีซั่นนี้ ด้วยการเล่นเกมโต้กลับที่กดดันคู่ต่อสู้ตั้งแต่แดนบน รวมทั้งพยายามแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด แม้ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะขึ้นชื่อเรื่องนี้เช่นกันมาตั้งแต่สมัยคุม บาร์เซโลน่า แต่ตอนนี้นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูให้ความสำคัญกับการปิดพื้นที่การเล่นที่ได้เปรียบของคู่แข่งมากกว่า เพียงแต่มีข้อเสียที่หลายคนเกิดความกังวลว่า ผู้เล่นอาจใช้พละกำลังมากเกินไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ส่งผลให้เร่งไม่ขึ้นเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของซีซั่นก็เป็นได้ 


 3. ลูกเซ็ตพีท

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

      แฟนบอลส่วนใหญ่มองว่า นี่คือจุดขายของฟุตบอลอังกฤษอยู่แล้ว ไม่ได้น่าแปลกใจตรงไหน แต่ฤดูกาลนี้ลูกเซ็ตพีท กลับกลายเป็นปัญหาของบางทีมเสียอย่างงั้น โดยตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดคือแชมป์เก่า "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ที่โดนคู่แข่งเล่นงานทะลวงตาข่ายจากลูกตั้งเตะมากที่สุด ทั้งที่ทีมมีแนวรับรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่งอย่าง โรเบิร์ต ฮูธ กับ เวส มอร์แกน จับคู่เซ็นเตอร์แบ็คด้วยกันแท้ๆ เนื่องจากกฎการเล่นที่เปลี่ยนไป เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายเล่นเกมบุกมากขึ้นนั่นเอง โดยสถิติเผยว่า มีการทำประตูจากลูกเซ็ตพีทซีซั่นนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 0.65 ต่อเกม สูงกว่าฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งตัวแรกอยู่ที่ 0.59 ต่อเกม 

      แดนนี่ ซิมป์สัน แบ็กขวาของ เลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวหลังเสียประตูจากลูกตั้งเตะถึง 3 ตุงในเกมที่พวกเขาบุกพ่ายเละต่อ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ว่า

       "พวกเขา (พรีเมียร์ลีก) เปลี่ยนกฎการแข่งขันบางอย่าง และนั่นคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้" 


4. เพลย์เมกเกอร์เล่นได้อิสระมากขึ้น

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

      หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะกุนซือไม่ได้กำหนดตำแหนงที่ตายตัวให้จอมทัพของทีมนั่นเอง แฟนบอลจึงได้เห็นฟอร์มที่ร้อนแรงของ เควิน เดอ บรอยน์, เมซุต โอซิล, เอแด็น อาซาร์ หรือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ถ้าวิเคราะห์ดีๆจะเห็นว่าทั้ง 4 คนจะมีคู่ขาหรือเพื่อนร่วมทีมที่มีเซนต์บอลทันกันอยู่คอยสนับสนุนอยู่เสมอ อันได้แก่ เควิน เดอ บรอยน์ มี ดาบิด ซิลบา, เมซุต โอซิล มี อเล็กซิส ซานเชซ และ เอแด็น อาซาร์ มี เปโดร กับ ดิเอโก้ คอสต้า หรือ "คูตี้" ที่มี ฟีร์โน่ กับ ซาดิโอ มาเน่ คอยเชื่อมเกมรุกสร้างโอกาสทะลวงตาข่ายนั่นเอง 

 

5. ระบบหลัง 3 คน

 5 แนวการเล่นยอดฮิตพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

        ระบบ 3-4-3 คือทีเด็ดของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของเชลซีที่เคยพา "ม้าลาย" ยูเวนตุส ประสบความสำเร็จมามากมาย และปรับมาใช้กับทัพ "สิงห์บูลส์" ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีคว้าชัย 11 นัดรวด รั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ โดยก่อนหน้านี้ใช้แผน 4-1-4-1 ไม่เวิร์คแพ้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล แต่พอเปลี่ยนปุ๊บก็ได้ผลแบบทันตา นอกจากนี้นายใหญ่ของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง โจเซ็ป กวาร์ดิโอล่า ก็เคยนำแผนนี้มาใช้เช่นกัน แต่ยังไม่เห็นประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก ดูบอลสด   


...ว่าน สวนไทร...        

ความคิดเห็น